” การที่คุณหลวงได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยในครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลของเราค่ะ หากบ้านเมืองลำบากนักหนาอย่างที่คุณหลวงว่า และคุณหลวงมีส่วนในการช่วยเหลือบ้านเมือง ถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณหลวงไปเถอะ “
“เฟื่องอยากรู้ว่าการเดินทางของคุณหลวงในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณหลวงช่วยจดบันทึกทุกสิ่งที่คุณหลวงพบเห็นมาในสมุดเล่มนี้หน่อยได้ไหมคะ ..เฟื่องอยากรู้ว่าระหว่างการเดินทางในวันคืนที่เราห่างกัน คุณหลวงทำอะไรบ้าง คิดอย่างไรบ้างในขณะนั้น ..”
“ขอสไบของแม่เฟืองให้ข้าติดตัวเคียงข้างแทนกายเจ้าเถิดหนา แม่เฟื่องจะอยู่ใกล้หัวใจข้าตลอดเวลาทีเดียวหนา ”
“ขอบคุณสำหรับความรักที่คุณหลวงมีให้ เฟื่องจะทำหน้าที่ของเฟื่องให้ดีที่สุด และรอวันจนกว่าที่คุณหลวงจะกลับบ้านเรา ”
“ไปคราวนี้คงนานเป็นปีนะเจ้าคะ”…”หน้าที่ของคนเราต่างกันเรือน วันหนึ่งเราต้องกลับมาพบกัน ร้อยปีที่ห่างเรายังกลับมาพบกันได้ นี่เพียงแค่ปีเดียว …ไม่นานหรอก..”
“โอ้ว่าอนาถใจ ละฉะไนนะเป็นฉะนี้ แต่ไรก็ไม่มี มะนะนึกระเหระหน
ไม่เคยจะเชื่อว่า รตินั้นจะสัปดน มาสู่ ณ ใจตน และจะต้องระทมระทวย
เมื่อก่อนสิชายรัก ก็มิพักจะเออจะอวย อวดดีและอวดด้วย บ่ มิเคยจะลุ่มจะหลง
ทั้งเคยเยาะเย้ยหยัน นระผู้พะว้าพะวง ว่าเขานะเขลาคง จะ บ่ พ้นระอิดระอา
เคยว่าบุรุษกล่าว วจะล่วงยุพาและพา ไปร่วมสิเนหา บ่ มิช้าก็ทอดก็ทิ้ง
ดังนั้นสิแม้ชาย อภิปรายและอ้อยและอิ่ง เราจึ่งมิสุงสิง และ บ่ รักสมัครสมาน
ครานี้สิพบชาย วรรูปวิเศษวิศาล ใจวาบและหวามปาน ฤดินั้นจะโลดจะลอย
เธอนั้น ฤ เจียมตัว กิริยาก็เรียบก็ร้อย ไม่มีละสักน้อย จะแสดงณท่วงณที
ว่าเธอประสงค์จะ อภิรมย์ฤดึระตี เป็นแต่ชำเลืองที่ ดนุบ้าง ณ ครั้งคราว
คราใดประสบเนตร ฤ ก็เราละร้อนละหนาว เธอไกลก็ดูราว นภะไร้ตะวันและเดือน
โอ้ว่า ณ ครานี้ แหละฤดีจะฟั่นจะเฟือน ด้วยรักกระทำเชือน ละฉะนี้จะทำไฉน”
ฮันนี่ อัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ให้เมื่อคราว ธันวาคม ๒๕๕๑
ฉันเขียนบันทึกนี้ด้วยความรู้สึกต้องการ“ดับความทุกข์”จากความห่วงใยบุคคลอันเป็นที่รัก ที่ขาดการติดต่อกันในห้วงเวลานี้ ฉันต้อง“เข้มแข็ง”เพื่อให้คนที่รักสบายใจ ตลอดจนเร่งทำหน้าที่ ที่ตนเองพึงต้องกระทำทั้งต่อตนเองและประเทศชาติบ้านเมือง
“แก้วเจ้าจอม” หรือ “น้ำอบฝรั่ง” นี้ ศาสตราจารย์เต็ม สมิตินันทน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ กรมป่าไม้ เป็นผู้ตั้งชื่อ